มาติดตามดูวิถีความสำเร็จของ เจมส์ คาเมรอน James Cameron ผู้กำกับระดับออสการ์ กันเลยดีกว่า
jame cameron เกิดวันที่ 16 สิงหา ปี 54 นับไปนับมาก็ 55 แล้วครับ
คาเมรอนไม่ใช่อเมริกันแต่กำเนิดเพราะเขาเกิดและถือสัญชาติแคนนาดา
พ่อเป็นวิศวกรด้านวางระบบและไฟฟ้า มารดาเป็นนางพยาบาลและจิตกร
ตอนเด็กๆคาเมรอนเคยให้สัมภาษณ์ ว่าในวัยเด็กของเขาไม่ลำบากแต่ก้ไม่หรูหรา
มีชีวิตเรียบง่ายสบายๆ ไม่ยากจนค่นแค้น
จึงมีความฝันแบบเด็กๆอยากเป็นพวกจิตกรแบบมารดา
jame cameron เขาผ่านการเรียนที่แคลลิฟอร์เนียร์ และโตรอนโต
ต่อมาเขาดร็อปดเรียนไปซะเฉยๆเหมือนกับกำลังหาตัวเองไม่เจอ โดยหยุดเรียนตอนปี 2
ไปทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งขับรถบรรทุกและงานเขียน
ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนด้าน สเปเชียล เอฟเฟค ด้วยตนเอง
จนวันหนึ่งในปี
77 เขาได้มีโอกาสได้ดู STARWARS ของลูคัส เขาบอกกับตัวเองว่า
จะสร้างหนังที่ดีเทียบเท่าสตาร์วอร์ให้ได้
ในปีถัดมาเขาสมัครรับทำโมเดลให้กับ Roger Corman Studios
ทั้งเก็บเงินซื้อกล้องถ่ายหนังมาลองจับมุมภาพเอง
ครีเอทพ์ภาพที่ตนเองอยากได้ เขาทำงานได้ดีจนได้เป้น
อาร์ตไดเร็เตอร์ในหนังเรื่องแรก Battle Beyond the Stars (1980)
แล้วก้าวกระโดดของเขาก็มาถึงเมื่อได้มีโอกาสทำงานในการออกแบบเอ็ฟเฟ็กซ์
ในหนังของ จอห์น คาร์เพนเตอร์ เรื่องดัง Escape from New York (1981)
และผลงานลำดับต่อๆมาที่เขาเป็นทั้งที่ปรึกษาและออกแบบด้านเทคนิคพิเศษ
นั้นต่างสร้างเครดิตให้เขาไล่มาเลยตั้งแต่ Android (1982), Galaxy of
Terror (1981) แม้เเต่หนังเล็กๆอย่าง Piranhaและ Piranha II: The
Spawning
หลัง จากนั้นสามปี เขานำโปรเจ็คที่คิดไ้ด้โดยบังเอิญ ไปเสนอ ตอนแรกเขากะวางดาราที่หมายตามาเเสดงจากเรื่องปิรันย่า แต่เมื่อต้องมาพบกับ อาร์โนล ชวาสเซเน็กเกอร์ ทุกอย่างที่เขาคิดเปลี่ยนไป นั่นคือเขาเปลี่ยนพล็อตหนังเเละนำอาร์โนลมาแสดงเป็นผู้ร้ายตัวดำเนินเรื่อง แทน
หลัง จากนั้นสามปี เขานำโปรเจ็คที่คิดไ้ด้โดยบังเอิญ ไปเสนอ ตอนแรกเขากะวางดาราที่หมายตามาเเสดงจากเรื่องปิรันย่า แต่เมื่อต้องมาพบกับ อาร์โนล ชวาสเซเน็กเกอร์ ทุกอย่างที่เขาคิดเปลี่ยนไป นั่นคือเขาเปลี่ยนพล็อตหนังเเละนำอาร์โนลมาแสดงเป็นผู้ร้ายตัวดำเนินเรื่อง แทน
ต่อมา คาเมรอนได้เข้ามาทำหนังเรื่องแรกของเขา คือ The Terminator ในปี 1984
ครับ เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจมากำกับเพราะเเค่ทำร่างคร่าวๆถึงฉากมุมกล้อง
สกรีนเพล์ ไว้เพื่อขายต่อเท่านั้น เเต่ต่อมาเมื่อ โออีรอน สตูดิโอและ Gale
Anne Hurd เข้ามายื่นโอกาสสำคัญในชีวิตให้เขา(ซึ่งต่อมาคือภรรยาของเขา)
ในการกำกับหนังเรื่องนี้เเละพบกับ อาโนล ชวาสเซเน็กเกอร์
ทำให้เขาเข้ามาทำหนังที่ทุนสร้างเพียง 5 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินไปถึง เกือบ ๆ
80
ล้านในสมัยนั้นแถมด้วยกลายเป็นภาคต่อที่ทรงคุณค่าและมีการซื้อขายที่แพงหลุด
โลก หลังการล่มสลายของ Mario Kassar แห่ง Carolco Pictures
ในสมัยหลังภาคสอง
ผลงานเขียนและกำกับของเขาเช่น ฅนเหล็ก 2029 และ ไททานิก
ที่ขึ้นแท่นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดอันดับหนึ่งตลอดกาลในปี ค.ศ 1997
จนถึงปัจจุบันนี้ผลงานการกำกับของเขามียอดรวมราว 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ปรับรายได้ตามอัตราเงินเฟ้อ
หลังจากมีผลงานภาพยนตร์หลายเรื่อง
แคเมรอนเน้นการทำงานด้านการผลิตสารคดีและระบบกล้องฟิวชันดิจิตอล 3 มิติ
เขากลับมาทำผลงานภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 12 ปี ในผลงานเรื่อง อวตาร ที่ใช้เทคโนโลยีระบบกล้องฟิวชัน ภาพยนตร์ฉายวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2009 และอีกเช่นเดียวกันภาพยนตร์เรื่อง อวตาร ได้ทำลายสถิติภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของไททานิก ที่สร้างโดยเขาเอง ซึ่งครองสถิติมายาวนานถึง 12 ปี ลงอีกเช่นกัน
เจมส์ แคเมรอน เป็นผู้ริเริ่มสร้างภาพยนตร์ 3Dเป็นคนแรก
โดยเล็งเห็นว่าจะได้อรรถรถในการรับชมมากขึ้นพร้อมกันค่าตั๋วภาพยนตร์ที่จะทำ
รายได้ได้มากขึ้น โดยเขาเคร่งครัดและกล่าวไว้ว่า "ภาพยนตร์ 3
มิติควรจะเป็นสิ่งที่สามารถสร้างได้กับเฉพาะภาพยนตร์ในสมัยใหม่หลังปี ค.ศ.
2009 เท่านั้น ไม่ควรนำภาพยนตร์ที่ไม่ได้ผลิตเป็น 3
มิติตั้งแต่แรกมาดัดแปลงให้เป็น 3 มิติอีก
เว้นเสียแต่ว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่ได้ผลิตเป็น 3
มิติในช่วงที่เทคโนโลยียังไม่สามารถทำได้" ภาพยนตร์ 3D สุดอลังการอย่าง อวาตาร จึงได้ทำลายสถิติภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของไททานิก
"มุ่งมั่นอยู่กับฝัน และทำมันให้เป็นจริง"
สำหรับบทความต่อไปเราจะไปติดตามความสำเร็จของ 10 มหาเศรษฐีระดับโลก ที่เรียนไม่จบมาหวิทยาลัย คนต่อไป นักร้องสาว Lady Gaga : นักร้องซุปเปอร์สตาร์ หลุดโลก สำหรับบทความนี้ขอขอบคุณ http://th.wikipedia.org และ http://www.ac108.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น